ชวนสาว ๆ มาเลือก Mascara ให้เหมาะกับขนตาของเรา

ว่ากันว่าขนตาคือเสน่ห์ของผู้หญิงที่สามารถทำให้ผู้ชายตกหลุมรักได้ ขนตายาว งอน เป็นธรรมชาติจะดึงดูดสายตาผู้คน ทำให้ดวงตาที่ดูธรรมดากลับดูหวานและสวยขึ้นมาได้ แม้ในขณะที่ไม่ได้แต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ต้นกำเนิดของมาสคาร่าเกิดขึ้นเกินกว่า 100 ปีมาแล้ว Mascara ได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักเคมีชื่อ ที.แอล.วิลเลี่ยม ในปี ค.ศ. 1913 ถ้าจะเทียบกับยุคของคนไทยก็คือในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เขาทำมันขึ้นมาเพื่อให้น้องสาวที่ชื่อ มาแบล ได้ใช้ โดยชิ้นแรกทำมาจากวาสลีน นำมาผสมเข้ากับหินถ่านผง

คำว่า Mascara นั้น มาจากภาษาอาหรับ มีความหมายว่า “หน้ากาก” เมื่อน้องสาวของเขาได้ใช้และให้คนรอบ ๆ ตัวได้ใช้แล้ว มาสคาร่าก็ได้รับความนิยมขึ้น เขาและน้องสาวจึงเริ่มขายมาสคาร่า และให้ชื่อว่า Maybelline ซึ่งเป็นการรวมคำจากชื่อของน้องสาวคือ Mabell และ Vasaline ในภายหลังได้กลายมาเป็นชื่อของแบรนด์บริษัทเครื่องสำอางที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมากมาย ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ผลิตภัณฑ์ที่เด่นที่สุดก็คงต้องยกให้กับจุดกำเนิดคือ มาสคาร่า หลายคนอาจจะไม่เคยทราบเลยว่า มาสคาร่านั้นไม่ได้มีแค่พียงแบบเดียว แต่ยังมีแบบที่เป็น ครีม แบบเค้กแข็ง และแบบที่เป็นน้ำด้วย แบบเป็นเค้ก เป็นมาสคาร่าในยุคแรก ๆ ที่ถูกผลิตขึ้น

ปัจจุบัน Mascara มีทั้งแบบที่กันน้ำ และ แบบไม่กันน้ำ มาสคาร่าแบบกันน้ำ มีข้อดีคือ เมื่อถูกเหงื่อ หรือน้ำ ก็จะไม่ไหลเยิ้มเปรอะเปื้อน แต่ข้อเสียก็คือ ชำระล้างให้หลุดออกได้ยากแต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มาสคาร่ากันน้ำล้างออกง่าย และยังช่วยทำให้ขนตาหนา และยาวขึ้น ได้แก่ผลิตภัณฑ์ของเมบีลีน ซึ่งเป็นต้นตำรับของมาสคาร่าโลก ช่วยเสกขนตาให้หนาขึ้นถึง 4 เท่า บวกขนตางอนแบบ 360 องศามีเนื้อมาสคาร่าในรูปแบบเจล ล้างออกง่าย ปัดง่าย เนื้อเนียน ไม่จับตัวเป็นก้อน

ส่วนมาสคาร่าแบบไม่กันน้ำ เมื่อถูกเข้ากับเหงื่อ หรือน้ำ ก็จะเยิ้มละลายออกมาเปื้อนบริเวณรอบดวงตาได้ง่าย แต่ข้อดีก็คือจะล้างออกได้ง่าย ข้อคิดในการเลือกมาสคาร่าทั้งสองแบบก็คือ ให้เลือกใช้โดยพิจารณาจากกิจกรรมที่เราจะทำในวันนั้น และ ระยะเวลาที่เราจะแต่งหน้าในวันนั้น ถ้ากิจกรรมที่ทำ ไม่ได้เสี่ยงกับสถานการณ์ที่ต้องเปียก หรือไม่ได้ออกแดดร้อน ๆ ระยะเวลาที่เราออกไปทำกิจกรรมจนกลับเข้าบ้านไม่นานมาก ก็สามารถเลือกใช้มาสคาร่าแบบไม่กันน้ำได้ เพราะล้างออกได้ง่าย สะดวกกว่า

การเลือกใช้ Mascara แบบต่าง

1. ความสะดวก ถนัดมือของแปรงปัด
อย่างแรกก็คือ ความสะดวกในการจับด้ามแปรงและการปัด มาสคาร่าที่ดีจะต้องออกแบบแปรงปัดมาให้จับถนัดมือ มีองศาของหัวแปรงที่เราปัดแล้วไม่เลอะบริเวณข้าง ๆ หัวแปรงจะต้องจับตัวเนื้อมาสคาร่าขึ้นมาในปริมาณที่พอเหมาะและกระจายเนื้อมาสคาร่าลงสู่ขนตากำลังดี ไม่จับเป็นก้อน

2. เนื้อ Mascara เนียน มีคุณภาพ
เนื้อมาสคาร่าของแต่ละแบรนด์จะมีความแตกต่างกัน แต่เราจะวัดคุณภาพของเนื้อมาสคาร่ากันได้จากความเนียนละเอียดไม่จับตัวเป็นก้อน เมื่อปัดแล้วเคลือบไปบนขนตาแบบเส้นต่อเส้น ไม่ต้องปัดหลายรอบเพื่อกระจายก้อนมาสคาร่าที่จับตัวอยู่ เพราะจะทำให้ขนตาหลุดและหัก

3. สีที่เข้มชัด สม่ำเสมอ
สีของมาสคาร่าจะต้องเข้มและชัด มีความสม่ำเสมอกันของเม็ดสีด้วย เพราะถ้ามาสคาร่ามีเนื้อไม่เข้มชัดสม่ำเสมอ เวลาปัดก็จะไม่เห็นสีอย่างที่ต้องการ here ต้องปัดหลายรอบทำให้เปลืองมาสคาร่า และเส้นขนตาก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร

4. ช่วยเสริมให้ขนตาสวยอย่างที่ต้องการ
ปัญหา และความต้องการในการปัดมาสคาร่าของผู้หญิงแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ทั้งธรรมชาติของขนตาและโอกาสที่ต้องการแต่งขนตา ผู้หญิงบางคนที่มีขนตาหนาแต่สั้น ต้องเลือกมาสคาร่าที่เน้นการต่อขนตาให้ดูยาวขึ้น เช่นมาสคาร่าที่มีส่วนผสมของเส้นใยไนลอน ทำให้เส้นไนลอนไปเกาะยึดกับเส้นขนตา ช่วยต่อขนตาให้ยาว ผู้หญิงที่ขนตายาวแต่ตรงและมีองศาตก ต้องเลือกมาสคาร่าขนตางอนที่ช่วยยกเส้นขนตาขึ้นให้โค้งงอนเป็นธรรมชาติ และผู้หญิงที่มีเส้นขนตาน้อยหรือบาง ต้องเลือกมาสคาร่าที่ช่วยให้ขนตาดูหนาขึ้น แน่นขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ในผู้หญิงแต่ละคนก็อาจจะมีปัญหาขนตาหลาย ๆ ข้อรวมกัน

ดวงตายังคงเป็นหน้าต่างที่จะนำไปสู่หัวใจ ดังนั้นดวงตาที่สวยมีขนตางอนยาวดกดำ จะช่วยเปิดหัวใจผู้คนที่พบเห็นได้ Mascara ก็คือเวทมนต์ที่ช่วยเนรมิตดวงตาให้กับผู้หญิงทุกคนได้สวยสมใจนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *